ลองนึกภาพ… คุณตื่นเช้ามาเหมือนทุกวัน เดินออกจากห้อง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเลื่อนฟีดโซเชียลเต็มไปด้วยโพสต์ของเพื่อน ๆ ที่เพิ่งเปิดร้านออนไลน์ ขายของฮิต หรือทำคอนเทนต์จนมียอดฟอลเป็นหมื่น ในใจคุณแอบคิด… “แล้วฉันล่ะ? ไอเดียธุรกิจของเราคืออะไร?” มันไม่ใช่เพราะคุณไม่มีความสามารถ แต่เพราะคุณยังไม่รู้ว่า ไอเดียธุรกิจ บางทีมันไม่ได้ซ่อนอยู่ในตำรา หรือห้องเรียน แต่มันอยู่ใน “ชีวิตประจำวัน” ของคุณนี่แหละ วันนี้ผมอยากท้าคุณ… ลองใช้ 5 วิธีนี้ แล้วมาดูกันว่าพรุ่งนี้ คุณอาจจะมีไอเดียที่พร้อมเปลี่ยนชีวิตก็ได้ 1. ถามตัวเองว่า “ทำไมไม่มีแบบนี้นะ?” ทุกธุรกิจยักษ์ใหญ่เคยเริ่มจากคำถามง่าย ๆ ถ้าคุณเคยคิดว่า “ทำไมไม่มีร้านแบบนี้” หรือ “ถ้ามีสิ่งนี้คงดี” ให้รีบจดเอาไว้ เพราะนั่นคือ ช่องว่างในตลาด ที่รอคนอย่างคุณไปเติมเต็ม 2. ไอเดียธุรกิจ อาจเกิดจากการมองหาปัญหาที่คุณเจอซ้ำ ๆ ปัญหาคือขุมทองของนักธุรกิจ ลองคิดดูว่าคุณหงุดหงิดเรื่องอะไรบ่อย ๆ เช่น ต่อคิวนาน หาสินค้าบางอย่างยาก หรือขั้นตอนซื้อขายที่ซับซ้อน ปัญหาเหล่านี้ ถ้าคุณแก้ได้ คุณก็สร้างธุรกิจได้ 3. ใช้สิ่งที่คุณถนัดและรักเป็นจุดเริ่ม ไอเดียธุรกิจ ธุรกิจที่เกิดจากความถนัด เช่น การทำอาหาร วาดรูป ถ่ายภาพ หรือเขียนโค้ด มักจะมี เอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะคุณมีความผูกพันกับมันจริง ๆ และพร้อมพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ 4. ไอเดียธุรกิจ อาจดัดแปลงจากสิ่งที่มีอยู่ให้ดีกว่าเดิม ไม่ต้องคิดใหม่ทุกอย่าง คุณอาจแค่ปรับสิ่งเดิมให้ตอบโจทย์คนยุคนี้มากขึ้น เช่น ออกแบบให้สวย ใช้ง่ายขึ้น หรือเพิ่มฟีเจอร์ที่ไม่มีใครทำ การ “อัปเกรดของเก่า” อาจสร้างของใหม่ที่ตลาดต้องการได้ทันที 5. ลองทำก่อน รอความสมบูรณ์ทีหลัง หลายคนพลาดโอกาสเพราะรอไอเดียสมบูรณ์แบบก่อนลงมือ แต่คนที่สำเร็จมักเริ่มจากเวอร์ชันทดลอง (MVP) แล้วปรับปรุงจากผลลัพธ์จริง เพราะ “การลงมือทำ” คือครูที่ดีที่สุด เคล็ดลับสำหรับคนที่อยากเริ่มตั้งแต่วันนี้ สรุป ไอเดียธุรกิจ ไม่ได้อยู่ไกลตัว บางครั้งมันก็อยู่ในร้านกาแฟที่คุณไปประจำ บทสนทนากับเพื่อน หรือแม้แต่ปัญหาที่คุณบ่นทุกวัน คำถามคือ… คุณจะปล่อยให้คนอื่นหยิบไอเดียนั้นไปทำแทนคุณ หรือคุณจะเริ่มทำมันเองตั้งแต่วันนี้? ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แปลว่าคุณเริ่มมองเห็นแล้วว่า ไอเดียธุรกิจ อาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด… แต่แค่มีไอเดียอย่างเดียว ยังไม่พอ เพราะธุรกิจจะเกิดขึ้นจริงได้ ต้องมีการลงมือทำ ทดลอง และเรียนรู้จากโลกจริง และนี่คือโอกาสของคุณ! เข้าร่วม ZERO TO CEO เวิร์กช็อป 2 วันเต็ม! 🌟 ที่จะพาคุณตั้งแต่ คิดไอเดีย ➝ ทำต้นแบบ ➝ จนได้ขายจริง! ทำไมคุณถึงไม่ควรพลาด? 🎯 เวิร์กช็อปนี้เหมาะกับใคร? 🔧 ตลอด 2 วันนี้คุณจะได้ อย่าปล่อยให้ไอเดียของคุณจบแค่ในหัว มาลองลงสนามจริง แล้วพิสูจน์ว่าคุณก็ทำได้ 📌 ก้าวแรกสู่การเป็นผู้ประกอบการ… เริ่มที่นี่
R2M มาแล้ว builds ศูนย์บ่มเพาะไอเดียนวัตกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่! วันนี้ builds อยากเล่าให้ฟังถึงโครงการที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ นั่นคือ R2M หรือ Research to Market เวทีที่พานักศึกษาไปสัมผัสประสบการณ์การต่อยอดผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยให้กลายเป็นธุรกิจจริง จุดเริ่มต้นของ R2M คือการเอา “ของเจ๋ง ๆ” จากห้องแล็บ มาผ่านการคิด วิเคราะห์ตลาด และวางแผนธุรกิจ จนสามารถนำเสนอให้กรรมการ นักลงทุน หรือพันธมิตรทางธุรกิจเห็นภาพได้ชัดว่า “งานวิจัยนี้ทำเงินได้จริง” builds พาไปสู่เวที R2M CMU 2025 ทุกปี builds จะเป็นทีมงานหลักที่ช่วยนักศึกษามช.เตรียมตัวเข้าร่วม R2M ตั้งแต่การ จับคู่กับผลงานวิจัย ของมหาวิทยาลัย ไปจนถึงการฝึกซ้อม Pitching ให้มั่นใจว่าสามารถนำเสนอได้อย่างน่าประทับใจ ปี 2025 นี้ เราจะพานักศึกษาที่มีไฟ พร้อมเรียนรู้การทำธุรกิจจริง ออกเดินทางสู่ เส้นทางสู่นวัตวณิชย์ (Research to Market) และที่สำคัญ — ผู้ชนะในระดับมหาวิทยาลัยจะได้ไปแข่งต่อในเวที ภูมิภาค และ ระดับประเทศ โครงสร้างการแข่งขัน R2M CMU 2025 รางวัลและโอกาสที่รออยู่ ใครเหมาะจะมา R2M กับ builds สรุป R2M CMU 2025 ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่มันคือการเดินทางจาก “ไอเดียในห้องแล็บ” สู่ “ธุรกิจที่จับต้องได้” และ builds พร้อมจะเป็นเพื่อนร่วมทาง พาไปฝึก พาไปแข่ง และพาไปสร้างโอกาสในเวทีระดับประเทศ ถ้าคุณมีไฟและอยากลอง… ปีนี้อาจเป็นปีที่คุณได้ขึ้นเวที Research to Market พร้อม builds เป็นโค้ชข้างสนาม ภาพบรรยากาศของปีก่อน ๆ ติดตามข่าวสารและสมัครเข้าร่วม อยากรู้ว่าปีนี้ใครจะได้เป็นตัวแทน CMU บนเวที R2M – Research to Market? ติดตามรายละเอียดกิจกรรม ตารางการแข่งขัน และภาพบรรยากาศการฝึกซ้อมได้ที่เพจของเรา 📌 Facebook: builds CMU https://www.facebook.com/buildscmu มาเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางจาก งานวิจัยสู่ตลาด ไปด้วยกันกับ builds แล้วเจอกันในเวที R2M 2025! 🚀
นักศึกษา คณะวิจิตรศิลป์ มช. ไปไกลกว่างานศิลป์ สู่การเป็นผู้ประกอบการด้วย builds CMU เปิดโลก คณะวิจิตรศิลป์ มช. ที่ไม่ได้สร้างแค่ศิลปิน แต่สร้างผู้ประกอบการ หลายคนอาจมองว่า คณะวิจิตรศิลป์ คือแหล่งบ่มเพาะศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะอันงดงาม แต่วันนี้ builds CMU จะพาทุกท่านไปสำรวจอีกมิติหนึ่งที่น่าตื่นเต้นของนักศึกษาจากที่นี่ ที่กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า ความรู้ทางศิลปะสามารถต่อยอดไปสู่การเป็น \”ผู้ประกอบการ\” และเจ้าของธุรกิจได้อย่างน่าทึ่ง figurelab art studio หนึ่งในทีมของนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ ขอแนะนำให้รู้จักกับ figurelab art studio สตูดิโอศิลปะที่ก่อตั้งและบริหารโดยกลุ่มนักศึกษาจาก คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พวกเขาไม่เพียงแต่มีความสามารถในการสร้างสรรค์งานศิลป์ แต่ยังมีความฝันและแรงผลักดันที่จะนำศิลปะมาเชื่อมต่อกับโลกธุรกิจ สร้างแบรนด์ และบริหารจัดการสตูดิโอของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ ล่าสุด พวกเขาได้ถ่ายทอดแนวคิดผ่าน นิทรรศการ Transformation Art Exhibition ที่ว่าด้วย \”การแปลงกาย\” ของตัวตนและสรรพสิ่ง ผ่านผลงานศิลปะร่วมสมัย ซึ่งจัดแสดงให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชมและทำ Mini Workshop ตั้งแต่วันนี้ – 28 สิงหาคม เรียนคณะวิจิตรศิลป์ จบแล้วทำอะไร? นี่คือหนึ่งในคำตอบ คำถามที่ว่า \”เรียน คณะวิจิตรศิลป์ แล้วไปทำอะไรต่อ?\” เรื่องราวของ figurelab art studio คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด พวกเขาได้แสดงให้เห็นว่าบัณฑิตจากคณะนี้สามารถเป็นได้ทั้งศิลปินและนักธุรกิจในคนเดียวกัน โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นแต้มต่อในการแข่งขัน กุญแจสำคัญที่ทำให้นักศึกษาจาก คณะวิจิตรศิลป์ กลุ่มนี้สามารถก้าวข้ามขอบเขตจากศิลปินสู่ผู้ประกอบการได้ คือการสนับสนุนจากระบบนิเวศของมหาวิทยาลัย ผ่านชมรม ArtX Club ซึ่งเป็น Startup Club ภายใต้การดูแลของ builds CMU ที่คอยให้ความรู้ เชื่อมโยงโอกาส และมอบเครื่องมือทางธุรกิจที่จำเป็นสำหรับนักสร้างสรรค์โดยเฉพาะ ชมผลงานล่าสุดและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายนี้ builds CMU ขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจในศักยภาพของนักศึกษา คณะวิจิตรศิลป์ มช. หรือกำลังมองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ เยี่ยมชมนิทรรศการ: Transformation Art Exhibition จัดแสดงถึงวันที่ 28 สิงหาคม เพื่อชมผลงานที่เป็นรูปธรรมของความฝันนี้ เรื่องราวนี้คือบทพิสูจน์ว่า คณะวิจิตรศิลป์ คือจุดเริ่มต้นของอาชีพที่หลากหลาย และเมื่อผนวกกับวิสัยทัศน์ของ builds CMU ก็พร้อมที่จะสร้างผู้ประกอบการคลื่นลูกใหม่ประดับวงการได้อย่างแน่นอน